เมื่อวานมีโอกาสทำงานสำคัญ
อีกครั้งหนึ่งในชีวิตบนเวทีใหญ่ บ.การบินไทย
“9 สิ่งที่ได้เรียนรู้ในวันที่พ่อสถิตอยู่ที่กลางใจ”
ที่มาจากบทความที่น้องรุตม์ อานนทวงศ์ ได้เขียนไว้
คือหัวข้อที่ผมพูด รู้สึกภูมิใจ,ประทับใจและดีใจที่สุด
หลังจากพูดเสร็จลงมาหลังเวที ผมและทีมงาน
เรากอดกันร้องไห้ เหมือนเรารับรู้ความรู้สึกเดียวกัน
ที่ส่งต่อมาจากผู้ร่วมงานนับร้อยในหอประชุม ที่กลั้นน้ำตา
ของความรักและคิดถึงพระองค์ท่านไม่ได้
ความรู้สึกของเราเป็นสิ่งมหัศจรรย์
มันส่งต่อระหว่างคนหนึ่งสู่อีกคนได้
ทั้งความรู้สึกสุข เศร้า หรือโกรธ
เราจะรู้สึกว่ามันยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นมาก ตามจำนวนคนที่ร่วมรู้สึกเช่นนั้น จะด้วยการรับรู้จากวิธีการใดๆก็ตาม
เหมือนสายน้ำถ้าไหลไปคนละทิศคนละทาง
ก็เป็นเพียงสายน้ำเล็กๆธรรมดา เมื่อไหร่ก็ตามถ้าสายน้ำไหลสู่ทิศทางเดียวกัน
และประตูน้ำถูกเปิด สายน้ำจะทวีความรุนแรง และไหลไปข้างหน้าได้เร็วขึ้น
เช่นเวลาเราอยู่กับคนจำนวนมากไม่ว่าเหล่านั้นจะมีอารมณ์ รัก โกรธ หรือเศร้ากับสิ่งใด
เรามักจะมีอารมณ์ร่วมคล้อยตามด้วยเสมอ
เราอาจไม่รู้ตัวว่าตอนนี้สายน้ำของเราได้ไหลเปลี่ยนทิศ
ไปทิศทางเดียวกันกับมวลน้ำมหาศาลนั้นแล้ว
ผมจึงอยากให้สายน้ำอย่างพวกเรา อยู่ใกล้ๆสายน้ำที่สะอาดและมีคุณภาพ
รวมกันเป็นสายน้ำที่แรงพอจะต่อสู้กับแรงโน้มถ่วงที่มักดึงเราลงหาที่ต่ำเสมอ
คงเคยได้ยินคำพูดที่ว่า เราคือค่าเฉลี่ยของคน 5 คนที่อยู่รอบตัวเราใช่ไหมครับ
เรามักเลือกจุดหมายปลายทางให้ตัวเอง แต่มักหลงลืมที่จะเลือกจุดที่ยืนในตำแหน่งออกวิ่งซึ่งเป็นตำแหน่งที่สำคัญ คนดีและคนเก่งจะดึงเราสู่ที่สูงเสมอมองหาคนเหล่านั้นให้เจอแล้วคุณจะเจอตำแหน่งออกสตาร์ทของตัวเอง
ตอนนี้สายน้ำของคนไทยหล่อรวมเป็นสายน้ำเดียวกัน
ไหลรวมกันเป็นสายน้ำแห่งความรักและอาลัย
ที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9
จึงไม่น่าแปลกใจที่เราจะร้องไห้กับพร้อมกับหลายๆคน
ที่มีหัวใจจงรักภักดีเช่นเดียวกับเรา