จดหมายจากกัปตัน

ผมได้อ่านจดหมายที่เขียนโดยกัปตันของสายการบินแห่งหนึ่ง

ซึ่งน่าสนใจและประทับใจ จึงอยากนำมาเผยแพร่ให้พวกเราได้อ่านกันครับ

จดหมายมีข้อตวามดังนี้ครับ

“ระหว่างที่ผมเตรียมทำการบินหัวหน้าพนักงานต้อนรับได้เข้ามาพบแล้วแจ้งผมว่าวันนี้เรามี HR (Human Remain เป็นคำย่อที่หมายถึงศพผู้เสียชีวิต) บนเครื่องของเรา

ผมถามย้ำไปว่าเป็นทหารใช่ไหม เธอตอบว่าใช่

ผมถามต่อว่ามีเจ้าหน้าที่ทหารเดินทางมาด้วยหรือไม่

เธอตอบว่า”มีคะ เราได้จัดที่นั่งให้กับเขาเรียบร้อยแล้ว”

“คุณไปแจ้งนายทหารคนนั้นให้เข้ามาพบผมด้วยก่อนที่ผู้โดยสารคนอื่นจะเดินทางขึ้นเครื่อง” หลังจากนั้นไม่นานหัวหน้าพนักงานต้อนรับได้นำนายทหารคนนั้นมาพบกับผม

หนุ่มนายทหารแต่งกายด้วยชุดทหารที่ดูสง่าและมีเกียรติ ผมถามเกี่ยวกับเรื่องร่างไร้วิญญาณของนายทหารคนนั้น นายทหารหนุ่มพูดถึงเพื่อนของเขาราวกับเขายังมีชีวิตอยู่

“เขาคือทหารกล้าที่ยังอยู่ในใจของเรา ผมกำลังจะพาเขาเดินทางกลับบ้าน”

ผมถามเขาว่ามีอะไรที่ผมพอจะช่วยให้การเดินทางครั้งนี้ของเพื่อนทหารของเขาเป็นไปอย่างสมเกียรติที่สุดไหม นายทหารหนุ่มตอบว่าไม่มีอะไร

ก่อนจบการสนทนาผมชื่นชมการทำภารกิจอันสำคัญยิ่งในการพาเพื่อนกลับบ้านไปสู่มาตุภูมิและครอบครัว หลังจากนั้นเราได้จับมือกัน นายทหารหนุ่มขอตัวกลับไปนั่งที่นั่งของเขา

หลังจากที่เราเสร็จสิ้นขั้นตอนการเตรียมบินและในระหว่างที่รอการอนุญาตเดินทางจากหอบังคับการบิน ผมได้รับโทรศัพท์จากหัวหน้าพนักงานต้อนรับอีกครั้ง “ดิฉันเพิ่งพบว่าครอบครัวของนายทหารผู้เสียชีวิตได้เดินทางมากับเราด้วยคะ”

หลังจากนั้นเธอเข้ามาแจ้งผม ใน Cockpit ถึงรายละเอียด ครอบครัวนั้นประกอบไปด้วยคุณพ่อคุณแม่ ภรรยาและลูกสาว พวกเขาต่างร่วมเดินทางเพื่อพาลูกชาย,สามีและพ่อของเขากลับบ้าน แต่พวกเขารู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมากที่พวกเขาไม่มีโอกาสได้เห็นการเคลื่อนย้ายหีบบรรจุร่างของนายทหารผู้นั้น

ระหว่างการเดินทางที่เขาทั้งสี่คนต้องเดินทางไปต่อเครื่อง เปลี่ยนเครื่องบินอีกลำก่อนจะเดินทางกลับบ้านโดยใช้เวลาอีก 4 ชั่วโมง

เขาปรารถนาที่จะเห็นการเคลื่อนย้ายร่างไร้วิญญาณของนายทหารหนุ่มให้เป็นไปอย่างเรียบร้อยและสมเกียรติ ในระหว่างรอการเปลี่ยนเครื่อง เพื่อเดินทางกลับสู่บ้าน

พ่อของนายทหารหนุ่มผู้เสียชีวิตแจ้งกับหัวหน้าพนักงานต้อนรับว่าการที่เขารู้ว่าลูกชายของเขาอยู่ใต้ท้องเครื่องโดยที่เขาไม่มีโอกาสได้เห็น มันช่างเป็นความรู้สึกที่แย่มากสำหรับครอบครัว

เค้าจึงถามพนักงานต้อนรับว่ามีทางเป็นไปได้ไหมที่ครอบครัวของเขาจะได้เห็นการเคลื่อนย้ายร่างไร้วิญญาณของลูกชายไปยังเครื่องลำใหม่ ที่จะพาพวกเขากลับสู่บ้าน

ผมสังเกตว่าเสียงของหัวหน้าพนักงานนั้นสั่นเครือมาก

ผมจึงแจ้งเธอไปว่าไม่ต้องกังวล ผมอยู่ที่นี่แล้วและผมจะทำดีที่สุดเพื่อพวกเขา

ในเครื่องบินรุ่นใหม่ๆเรามีระบบการติดต่อสื่อสารกับหน่วยงานควบคุมภาคพื้นของบริษัทผ่านข้อความหรือ Telex ผมจึงแจ้งไปยังหน่วยงานภาคพื้นว่าผมต้องการความช่วยเหลือในการอำนวยความสะดวกให้กับครอบครัวนี้ ได้ลงไปยังพื้นที่ในการนำสัมภาระออกจากเครื่องซึ่งปกติแล้วจะไม่อนุญาตให้ผู้โดยสารลงไปในบริเวณหวงห้ามดังกล่าว

เจ้าหน้าที่ศูนย์ควบคุมแจ้งผมว่าพวกเขาเข้าใจและจะแจ้งผมให้ทราบโดยเร็วที่สุด

2 ชั่วโมงผ่านไปผมไม่ได้รับการติดต่อกลับใดๆเลยอีกไม่นานเครื่องบินกำลังจะลดระดับแล้ว ผมและนักบินของผมจะมีงานมากมายจะต้องเริ่มทำ ผมจึงส่งข้อความเพื่อไปถามถึงความคืบหน้า นี่คือข้อความที่ส่วนศูนย์ควบคุมส่งกลับมาหาผม

“กัปตันครับ ผมต้องขอโทษที่ตอบกลับล่าช้า เนื่องด้วยติดขัดในข้อกำหนดและกฎบางอย่าง แต่อย่างไรก็ตาม…

เมื่อเครื่องไปถึงสนามบินปลายทางแล้วจะมีเจ้าหน้าหน้าที่ของเรานำผู้โดยสารทั้ง 4 ท่านมาขึ้นรถตู้ของเรา ไปยังบริเวณผู้โดยสารขาออกหลังจากนั้นจะนำทั้ง 4 ท่านลงมายังส่วนของลานจอด ซึ่งจะเป็นพื้นที่ส่วนตัวของครอบครัวเท่านั้น เพื่อดูการเคลื่อนย้ายหีบบรรจุศพของนายทหารผู้นั้น

และสุดท้ายรบกวนกัปตันแจ้งว่า เราทุกคนที่ศูนย์ควบคุม ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งมายังครอบครัวของนายทหารผู้เสียชีวิตด้วย ขอบคุณครับ”

หลังจากนั้นผมได้พิมพ์ข้อความที่ได้รับแล้วส่งไปให้หัวหน้าพนักงานต้อนรับนำไปมอบให้คุณพ่อของนายทหารผู้นั้น

หัวหน้าพนักงานต้อนรับแจ้งกลับมาว่า

“ดิฉันอยากให้กัปตัน่รู้ว่าสิ่งที่กัปตันทำมันมีความหมายมากมายเพียงใดสำหรับครอบครัวนี้ ขอบคุณอีกครั้งคะ”

หลังจากนั้นเราทั้งสองคนใน cockpit ก็มีงานมากมายที่ต้องทำในการนำเครื่องลงจอด

เมื่อเราลงจอดเป็นที่เรียบร้อยเราได้รับคำสั่งให้ออกจากรันเวย์และแท็กซี่ไปยังบริเวณลานจอด ลานจอดที่สนามบินแห่งนี้เป็นลานจอดที่ใหญ่มาก และค่อนข้างที่จะวุ่นวายเต็มไปด้วยเครื่องบินจำนวนมาก เมื่อเราเคลื่อนที่เข้าไปยังบริเวณลานจอดเราได้รับการแจ้งจากหน่วยควบคุมการบินว่าขณะนี้เครื่องบินลำอื่นทั้งหมดถูกสั่งให้หยุดรอเพื่ออำนวยความสะดวกให้เครื่องบินของเราเคลื่อนที่ไปยังลานจอด ผมสังเกตเห็นเจ้าหน้าที่ประสานงานที่เตรียมมารับครอบครัวของผู้เสียชีวิตพร้อมอยู่ที่ประตูทางลงของเครื่องบินแล้ว

แต่ผมตระหนักว่าเมื่อเครื่องบินจอดสนิท และสัญญาณรัดสายเข็มขัดที่นั่งดับลง ผู้โดยสารคนอื่นคงจะลุกออกจากที่นั่งแล้วเดินออกจากเครื่องโดยทันที ทำให้ครอบครัวของนายทหารผู้เสียชีวิตอาจจะไม่สามารถลงจากเครื่องได้โดยสะดวก ผมจึงประกาศกับผู้โดยสารทั้งหมดด้วยข้อความดังต่อไปนี้

“ท่านผู้โดยสารครับผมกัปตันพูด ผมขอรบกวนท่านผู้โดยสารกับการประกาศพิเศษครั้งนี้ เรามีผู้โดยสารที่เดินทางร่วมกับเราเป็นนายทหารที่กล้าหาญมีเกียรติและเสียสละ ซึ่งบัดนี้เขาได้พลีชีพเพื่อมาตุภูมิ

นายทหารท่านนั้นอยู่เบื้องล่างของพวกเราทุกคนในห้องเก็บสัมภาระ และในห้องโดยสารของเราในวันนี้ มีอีกหนึ่งนายทหารผู้ทรงเกียรติซึ่งร่วมเดินทางมากับเรา โดยหน้าที่ของเขาคือการนำร่างไร้วิญญาณของเพื่อนกลับสู่บ้าน ร่วมกับครอบครัวของทหารผู้วายชนม์ซึ่งประกอบด้วย พ่อแม่ภรรยาลูกสาว

ผมและลูกเรือ ขอความร่วมมือผู้โดยสารทุกท่าน นั่งอยู่กับที่ก่อนสักครู่เพื่อให้ครอบครัวของนายทหารผู้เสียชีวิตได้ลงจากเครื่องของเรา “

เมื่อครอบครัวและนายทหารลุกขึ้นและเริ่มจะเก็บสัมภาระของเขาเพื่อเตรียมตัวลงจากเครื่อง ผู้โดยสารที่เหลือทั้งหมดก็เริ่มปรบมือ

จากหนึ่งเป็นสิบจากสิบเป็นร้อย..

พร้อมกับมีเสียงกล่าวขึ้นว่า

“เสียใจด้วยนะครับ”

“พวกเราภูมิใจในตัวเขา”

หลังจากนั้นครอบครัวก็ได้มีโอกาสไปยังลานจอดเพื่อได้เห็นการเคลื่อนย้ายหีบบรรจุร่างไร้วิญญาณของนายทหารกล้าเป็นไปอย่างสมเกียรติและสง่างาม

ผู้โดยสารที่เหลือเริ่มทยอยลงจากเครื่อง

พร้อมกล่าวขอบคุณผมในการประกาศเมื่อสักครู่ ผมคิดในใจจะให้ผมประกาศแบบนี้อีกร้อยอีกพันครั้งผมก็ยินดีแต่มันไม่มีทางจะนำชีวิตทหารกล้ากลับคืนมาได้อีก


ผมอ่านบทความนี้ แล้วก็นึกถึงทุกครั้งที่ทำการบิน มันเป็นงานที่เราเต็มใจและภูมิใจที่ได้ทำครับ

และท้ายสุดก่อนจบบทความนี้ผมอยากให้พวกเราระลึกถึงกลุ่มคนผู้เสียสละทั้งความสุขสบายรวมทั้งเสียสละเวลาที่จะใช้กับครอบครัวไปทำหน้าที่ปกป้องผืนแผ่นดินไทยของเราไม่ว่าเขาเหล่านั้นจะอยู่ที่แห่งหนตำบลใดเหนือใต้ ออกตก ขอได้รับความชื่นชมและขอบคุณจากใจจริง จากหัวใจของคนไทยทั้งชาติ

ขอให้คุณพระคุ้มครองผู้กล้าของเราทุกท่านครับ



Written by : กัปตันริชาร์ด โรดิเคว์ส

Photo courtesy of Kurt Lutter

#เรื่องราวดีๆอาจเปลี่ยนชีวิตคุณ