สิ่งหนึ่งที่ต้องทำทุกครั้งก่อนบินก็คือการลงไป Walk Around ครับความหมายก็คือการเดินตรวจตราดูความเรียบร้อยรอบเครื่องบินเพื่อมั่นใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยและปลอดภัย
ระหว่าง Walk Around ผมเจอแขกพิเศษที่รอโดยสารไปกับเราด้วย นั่นคือน้องสุนัขตัวน้อยที่ดูท่าทางตื่นกลัวอยู่ในกรงขนาดเล็กเพื่อรอนำไปไว้ยังพื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านล่างของเครื่อง

ผมลงก้มลงมอง พร้อมกับรอยยิ้ม
ที่นั่งของแขกพิเศษของผมในวันนี้ก็คือห้องบรรทุกสัมภาระด้านหลังของเครื่องซึ่งเราเรียกว่า Bulk Cargo
ต้องชี้แจงว่าในปัจจุบันหลายสายการบินไม่อนุญาตให้นำสุนัขหรือสัตว์เลี้ยงขึ้นไปในห้องโดยสารแล้วนะครับ เราจึงจำเป็นจะต้องให้เจ้าสุนัขตัวน้อยอยู่ในห้องเก็บสัมภาระ
อาจจะเหงานิดหน่อยแต่ก็มีระบบปรับความดันอากาศและมีออกซิเจนหายใจได้เหมือนกับในห้องโดยสารโดยจะมีระบบปรับอุณหภูมิให้อุณหภูมิภายในห้องบรรจุสัมภาระมีความสะดวกสบายไม่แพ้ห้องโดยสารเลยทีเดียว
ระหว่างทำการบินผมและน้องนักบินผู้ช่วยจะหมั่นตรวจตราอุณหภูมิของห้องเก็บสัมภาระ
ซึ่งมีแขกพิเศษตัวน้อยโดยสารอยู่เสมอโดยจะปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมตลอดการเดินทาง และหมั่นตรวจตราดูความเรียบร้อยให้มั่นใจว่าระบบปรับอุณหภูมิในห้องสัมภาระทำงานได้อย่างถูกต้อง เนื่องจากอากาศภายนอกของเครื่องบินมีความหนาวเย็นมาก บางครั้งต่ำลงถึงลบ 50 องศาเซลเซียส ถ้าระบบปรับความร้อนอุณหภูมิทำงานผิดพลาด ผู้โดยสารสุนัขตัวน้อยอาจมีปัญหาและเป็นอันตรายถึงชีวิต
ระหว่างบินผมหวนนึกถึงเรื่องราวที่เคยเขียนไว้ในเพจเมื่อหลายปีก่อนถึงเหตุการณ์เกิดขึ้นกับสายการบินแอร์แคนาดา ซึ่งเดินทางจากอิสราเอลไปแคนาดาครั้งนั้นก็มีแขกพิเศษคือสุนัขตัวน้อยชื่อเจ้าซิมบ้า เดินทางเช่นเดียวกับเที่ยวบินของผมในวันนี้ แต่เหตุการณ์ในวันนั้นต่างไปคือระบบปรับอุณหภูมิที่ห้องเก็บสัมภาระเกิดขัดข้อง“อุณหภูมิลดต่ำลงอย่างเรื่อยๆจนเกือบถึงจุดเยือกแข็ง
นั่นหมายถึงถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างสุนัขตัวน้อยที่โดยสารมาด้วยในห้องเก็บสัมภาระจะต้องจบชีวิตลงอย่างแน่นอน”
สิ่งที่กัปตันของ Air Canada ในเที่ยวบินนั้นทำผมถือว่าเป็นการกระทำที่กล้าหาญและตัดสินใจได้อย่างถูกต้องมากครับ
เขาตัดสินใจนำเครื่องลงจอดระหว่างทางคือสนามบินแฟรงค์เฟิร์ตที่ประเทศเยอรมันนี
เพื่อรักษาชีวิตเจ้าซิมบ้าไว้
แน่นอนครับถึงแม้จะต้องสูญเสียน้ำมันคิดเป็นมูลค่ากว่า 3 แสนบาท
และเครื่องล่าช้าชั่วโมงกว่า
แต่นั่นคือการรักษา “ชีวิตหนึ่งชีวิต”

เมื่อเจ้าของเจ้าซิมบ้าและเจ้าของได้เดินทางมาเจอกันอีกครั้ง เขาได้กล่าวว่าเจ้าซิมบ้าเป็นมากกว่าสุนัข ซิมบ้าเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเขาและขอขอบคุณกัปตันที่ตัดสินใจรักษาชีวิตเจ้าซิมบ้าไว้ในครั้งนั้น
คิดถึงตรงนี้แล้วได้แต่หวังว่าระบบความปรับอากาศของเครื่องบินเราจะปกตินะ ^^
ถ้าเกิดอะไรขึ้นผมคงตัดสินใจเหมือนกับกัปตันท่านนั้น เพราะหน้าที่ของกัปตันคือการรักษาทุกชีวิตบนเครื่องบินให้รอดปลอดภัยถึงปลายทาง
การตัดสินใจใดๆของท่านที่ต้องใช้ความกล้าหาญ…
ผมอยากให้ท่านถามตัวเองว่าในอนาคตเมื่อท่านมองกลับมายังการตัดสินใจครั้งนี้ท่านจะรู้สึกเสียใจหรือไม่ ถ้าคำตอบคือ”ไม่”
นั่นหมายถึงท่านมั่นใจว่าสิ่งที่ท่านตัดสินใจคือสิ่งที่ดีและถูกต้อง
ฉนั้นจงลงมือทำ และทำในสิ่งที่ถูกต้องครับ
กัปตันหมี : Takeoff Your Life