“ในที่สุดวันที่ผมกลัวก็มาถึง..”
ผมอ่านข่าวการปิดสนามบินลอนดอนแกตวิค
เมื่อวันศุกร์ ด้วยความคิดว่า
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเป็นสิ่งที่ดี
มันทำให้ชีวิตของมนุษย์สะดวกสบายขึ้น แต่หากเราใช้เทคโนโลยีนั้นอย่างเกินขอบเขตมันก็เป็นอันตรายที่น่ากลัวอย่างยิ่ง
เมื่อวันพุธที่ผ่านมามี Report การตรวจพบโดรน
บินอยู่เหนือสนามบินลอนดอนแกตวิคซึ่งเป็นสนามบิน เชิงพาณิชย์แห่งที่ 2 ห่างจากกรุงลอนดอนไปทางใต้ ประมาณ 45 กิโลเมตร ถ้าเปรียบง่ายๆก็เหมือนสนามบินดอนเมืองบ้านเรา แต่เป็นสนามบินที่มีความคับคั่งของการจราจรทางอากาศสูงมาก จำนวนผู้โดยสารกว่า 43 ล้านคนต่อปี การตรวจพบโดรนในสนามบินจึงเป็นเรื่องที่ยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้
ลองจินตนาการดูสิครับถ้าโดรนลำเล็กจิ๋วพุ่งเข้าชนเครื่องบินที่กำลังลงจอดหรือวิ่งขึ้นด้วยความเร็วเกือบ 400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือบินเข้าไปในเครื่องยนต์ของเครื่องบิน โศกนาฏกรรมที่หลายคนไม่อยากจะจินตนาการถึงก็อาจจะเกิดขึ้นได้
จากนั้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาก็ตรวจพบโดรนลำที่ 2 บินอยู่ในสนามบินลอนดอนแกตวิคอีก ทำให้ผู้โดยสารนับหมื่นคนต้องตกค้างในสนามบินเนื่องจาก สนามบินจำเป็นต้องปิดสนามบินชั่วคราวเพื่อตรวจสอบ
ตามมาด้วยกองกำลังทหารที่เข้าตรึงพื้นที่ทันที
เมื่อเร็วๆนี้ก็เกิดเหตุที่สงสัยว่าโดรนได้ชนกับเครื่องบิน
737-800 ของสายการบิน Aeromexico ขณะทำการลงจอดที่เมือง Tijuana ชายแดนติดกับสหรัฐอเมริกา
ลูกเรือในเที่ยวบินนั้นบอกว่าพวกเขาได้ยินเสียงดังอย่าง รุนแรงขณะเครื่องทำการลงจอด ซึ่งภายหลังตรวจพบความเสียหายจากการถูกวัตถุชนอย่างรุนแรงที่ Nose Radome ของเครื่องบิน
ในช่วงกลางปียังมี อุบัติการณ์เกิดขึ้นกับเครื่องบินที่กำลังลงจอดที่ลาสเวกัส ครั้งนั้นโดรนบินผ่านเครื่องบินในระยะไม่กี่ฟุต
ในรอบปี 2018 ที่กำลังจะผ่านไป จากการเก็บเรคคอร์ด นักบินพบโดรนบินเข้าใกล้ระยะที่น่าจะเป็นอันตรายถึง 6000 ครั้ง เฉพาะในสหรัฐอเมริกา
อุบัติเหตุที่เกิดจากโดนกับอากาศยานถูกบันทึกครั้งแรกเมื่อเดือนกันยายนปี 2017 เครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพบกสหรัฐชนกับวัตถุที่พบภายหลังว่าเป็นโดรน ใกล้กับเกาะ Staten ในนิวยอร์กทำให้เครื่องเสียหายบางส่วน
หลังจากนั้นในเดือนตุลาคม ก็มีรายงานโดรนชนกับเครื่องบินใบพัดขนาดเล็กที่แคนาดาทำให้ปีกเครื่องบินเสียหาย แต่โชคดีที่เครื่องบินสามารถลงจอดได้อย่างปลอดภัย
FAA เชื่อว่าโดรนจะทำความเสียหายที่รุนแรงกับเครื่องบินมากกว่า การชนนกในขนาดเท่ากัน เนื่องจากโดรน มีส่วนประกอบที่เป็นโลหะด้วย
โชคดีที่ในบ้านเรายังไม่เคยมีข่าวอุบัติเหตุเกี่ยวกับ
โดรนเกิดขึ้น แต่ก็คงประมาทไม่ได้นะครับ
เพราะการใช้โดรนในบ้านเราปัจจุบันก็มีเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย
ผมไม่เห็นด้วยกับการห้ามหรือจำกัดการใช้โดรนซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนามาทำให้เราได้เห็นมุมมองของภาพบางภาพที่เราไม่มีโอกาสได้เห็น
แต่เราควรสร้างจิตสำนึก
ของการอยู่ร่วมกันของมนุษย์ทุกคนในโลกใบนี้มากกว่า
เพราะทุกสิ่งที่เราทำล้วนมีผลกระทบกับ
ใครบางคนเสมอไม่มากก็น้อย
คงเคยได้ยินคำว่า
เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาวใช่ไหมครับ
ไม่อยากจะได้ยินข่าวเจ้านวัตกรรมขนาดจิ๋ว
ไปสร้างความเสียหายหรืออันตรายเกิดขึ้นกับนกเหล็กขนาดยักษ์ที่มีชีวิตกว่า 400 ชีวิตอยู่บนนั้นเลยครับ
เพราะโลกนี้คือบ้านของเราทุกคน
ควรอยู่ร่วมกัน ด้วยความรับผิดชอบนะครับ