เหตุการณ์อุบัติเหตุทางอากาศเป็นสิ่งที่ผมไม่อยากจะเขียนถึงเลยและทุกครั้งที่เขียนถึง ก็หวังว่ามันจะเป็นประโยชน์ให้เราได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง
ผมจะเขียนถึงด้วยความระมัดระวังและพยายาม
ไม่ใช้ความเห็นส่วนตัวใดๆทั้งสิ้น
เช่นกันกับครั้งนี้ครับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับเที่ยวบินที่ SU 1492 ของสายการบินแอโรฟลอต
ก่อนอื่นต้องแสดงความเสียใจมายังครอบครัว
ผู้สูญเสียมา ณ โอกาสนี้ครับ
ผมขอนำเสนอ 8 ข้อมูลที่เกิดขึ้นจริงกับอุบัติเหตุครั้งนี้
1. เที่ยวบินที่ SU 1492 ทำการบินโดยเครื่องบินแบบ Sukhoi Superjet 100-95B ซึ่งเริ่มทำการบินครั้งแรกเมื่อเดือนมิถุนายนปี 2017
2. เวลา 18:03 เวลาท้องถิ่น เครื่อง Takeoff ออกจากสนามบิน Sheremetyevo ที่ Moscow
3.เวลา 18:11 นักบิน Set Squawk 7600 ชุดตัวเลขนี้จะปรากฏบนจอเรดาร์ของเจ้าหน้าที่ควบคุมการบินเป็นการบอกถึงสถานการณ์ Communication Failure หรือระบบติดต่อสื่อสารใช้งานไม่ได้ ซึ่งนักบินได้ชี้แจงภายหลังว่าเครื่องบินถูกฟ้าผ่าทำให้ระบบการสื่อสารล้มเหลว ตรงกับการรายงานจากคำบอกเล่าของผู้โดยสารว่าเครื่องบินของพวกเขาถูกฟ้าผ่าหลังจากการวิ่งขึ้น (โดยปกติฟ้าผ่าไม่ทำให้เกิดไฟไหม้บนเครื่องบินนะครับ เพราะเครื่องบินมีระบบ Static Discharge แต่มักจะมีผลต่อระบบการติดต่อสื่อสารและระบบ Avionics ของเครื่องบิน )
4. เวลา 18:25 นักบินเปลี่ยน Squawk 7700 ชุดตัวเลขนี้จะปรากฏบนจอเรดาร์เป็นการบ่งบอกว่าเครื่องบินอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินและต้องการการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน (รายละเอียดส่วนนี้ยังไม่ถูกเปิดเผยว่าเกิดอะไรขึ้น)
5 เวลา 18:30 ข้อมูลการบินบางส่วนจาก ADS-B สูญหายไปแต่หลังจากนั้นไม่นานพบว่าเครื่องบินลงจอดในลักษณะที่เรียกว่า Bounced Landing
คือเครื่องบินกระดอนขึ้นหลังจากล้อสัมผัสพื้นครั้งแรก
และการลงจอดครั้งที่ 2 เป็นการลงจอดในลักษณะ Crashed Landing (กระแทกอย่างรุนแรง)ทำให้เกิดไฟลุกที่ลำตัวเครื่องส่วนหลังและเครื่องยนต์
6.รายงานแจ้งว่าเครื่องบินลงจอดในขณะที่มีน้ำมันเชื้อเพลิงเกือบเต็มถังบรรจุ (ยังไม่มีเหตุผลอธิบายในเรื่องนี้อย่างชัดเจน)
7.หลังจากเครื่องจอดสนิท พนักงานต้อนรับหญิงชื่อ Tatyana Kasatkina เป็นคนแรกที่ใช้เท้าของเธอถีบประตูฉุกเฉินออกมาพร้อมกับสั่งอพยพผู้โดยสารโดยด่วน( Evacuation )
8.จากภาพวีดีโอที่ถูกบันทึกผู้โดยสารได้นำกระเป๋าส่วนตัวลงมาด้วยจากเครื่องบิน (ข้อกำหนดของสายการบินในการอพยพผู้โดยสาร กำหนดไม่ให้ผู้โดยสารนำสัมภาระส่วนตัวติดตัวลงมาด้วย)
ในส่วนของสาเหตุอุบัติเหตุคงต้องให้ทีมงานสอบสวนทำงานสักระยะ
ผมคงไม่ให้ความเห็นส่วนตัวใดๆเกี่ยวกับเรื่องนี้
#แต่สิ่งที่อยากจะพูดถึงมากที่สุดและเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของการถอดรหัสบทเรียนครั้งนี้ก็คือ
ผมอยากเห็นครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย…
ที่ผู้โดยสารอพยพจากเครื่อง
โดยการแบกสัมภาระส่วนตัวลงมาด้วย
นอกจากจะเป็นอันตรายกับตัวเองแล้วมันยังมีผลกับชีวิตของผู้อื่นอีกด้วย
เป็นที่น่าเศร้าเหลือเกินครับ ที่มีรายงานข่าวว่ามี
ผู้โดยสารบางส่วนออกจากเครื่องไม่ทัน
ทำให้เสียชีวิตถึง 41 คน
จากจำนวนผู้โดยสารทั้งหมด 78 ท่าน
สาเหตุส่วนหนึ่งของการอพยพผู้โดยสารล่าช้า
ทราบจากรายงานว่ามีผู้โดยสารบางคน
พยายามจะเปิดช่องเก็บสัมภาระด้านบน เพื่อนำสัมภาระของตัวเองออกมา
ทำให้การอพยพผู้โดยสารบางส่วนล่าช้า
ต้องสูญเสียผู้โดยสารไปหลายชีวิต
ทั้งๆที่เขาเหล่านั้นมีโอกาสรอดชีวิต…
ทรัพย์สินที่มีค่าที่ติดตัวท่านมา
เราอาจหากลับคืนมาใหม่ได้
แต่ชีวิตคนเราไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้อีกแล้ว
และต้องขอชื่นชมการทำงานอย่างมืออาชีพของพนักงานต้อนรับ( มีรายงานข่าวว่าพนักงานต้อนรับ หนึ่งท่านที่เสียชีวิตกับเหตุการณ์นี้ด้วย)
ผู้โดยสารท่านหนึ่งได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นว่าเขาเป็น”หนี้ชีวิต” ของพนักงานต้อนรับท่านหนึ่ง ที่อยู่กับเขาตลอดจนพาเขาออกจากเครื่องบินได้
ในสภาพการณ์ที่ไฟกำลังลุกไหม้
ที่เราต้องต่อสู้กับการมีชีวิตรอด วินาทีต่อวินาที
แล้วคุณต้องเป็นคนออกจากเครื่องเป็นคนสุดท้าย
ด้วยหน้าที่ความรับผิดชอบ
ลองคิดดูสิครับว่ามันเป็นหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ขนาดไหน
ในเมื่อพนักงานต้อนรับพร้อมที่จะดูแลชีวิตของพวก
ในส่วนผู้โดยสาร ผมอยากให้ผู้โดยสารทุกคนดูแลชีวิตตัวเองและชีวิตของผู้โดยสารคนอื่น
ออกจากเครื่องบินในภาวะฉุกเฉินให้เร็วที่สุด
อย่าห่วงทรัพย์สินมีค่าหรือสัมภาระของท่านเลยนะครับ สิ่งที่ท่านควรจะห่วงและคิดถึงมากที่สุดคือชีวิตของท่าน และเพื่อนร่วมเดินทางทุกๆคน
…….
Photo : Flightradar24.com
: ภาพอุบัติเหตุภาพอื่นผมขออนุญาตไม่นำเสนอครับ