
เกือบ 3 เดือนแล้วนะครับที่ Boeing 737 Max 8
ถูกสั่งให้ระงับการบิน
ล่าสุดมีการคาดการณ์ว่าอย่างเร็วคงเป็นปลายปีนี้กว่า Boeing 737 Max 8 จะสามารถกลับมาบินได้
“เรื่องแบบนี้รีบไม่ได้ครับ”
เพราะเราเคยมีประวัติศาสตร์
ที่จะให้เกิดซ้ำรอยอีกไม่ได้นั่นคือ..
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเครื่องบิน DC-10
ครั้งหนึ่งเครื่องบิน DC-10 ก็เคยถูกระงับการบินเนื่องจากอุบัติเหตุเครื่องยนต์เสียหาย มีชิ้นส่วนบางอย่างตัดสายไฮดรอลิค ทำให้เครื่องบินสูญเสียการควบคุม มีคนเสียชีวิตไป 271 คน…ในปี 1979
ครั้งนั้นมีคำสั่งยุติการบินของเจ้า DC-10 เช่นกันครับ
แต่หลังจากนั้นไม่นานก็อนุญาตให้กลับมาบินได้อีก
บทเรียนราคาแพงที่เป็นประวัติศาสตร์โลกการบิน
ก็คือ..ผ่านไปเพียง10 ปีอุบัติเหตุก็เกิดซ้ำรอยขึ้นมาอีก
อุบัติเหตุ ที่โลกต้องจำ
อุบัติเหตุ ที่สร้างวีรบุรุษ
อุบัติเหตุ ที่เหลือเชื่อว่าจะมีผู้รอดชีวิตมาได้
ผมจะเล่าให้ฟังครับ
ยูไนเต็ดแอร์ไลน์เที่ยวบินที่ 232 (UA232)
เดินทางจากเดนเวอร์ สู่ฟิลาเดลเฟีย
เมื่อบ่ายวันที่ 19 กรกฎาคม 2532
พร้อมผู้โดยสาร 285 คนและลูกเรือ 11 คน
14:09 น. ตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐ
กัปตันในเที่ยวบินนี้คือกัปตันอัลเฟร็ด ซี.เฮเนส
15:16 น.หลังจากบินได้ 1 ชั่วโมง 7 นาที
ได้เกิดเสียงระเบิดขึ้นบริเวณท้ายเครื่อง
ผู้โดยสารต่างตกใจและหวาดกลัว
ใบพัดของเครื่องยนต์ตัวที่ 2 ซึ่งอยู่ที่หางเกิดระเบิด
ชิ้นส่วนบางอย่างกระเด็นไปตัดท่อของระบบไฮดรอลิก ทำให้ระบบไฮดรอลิกเสียหาย
ซึ่งในการควบคุมเครื่องบิน จำเป็นต้องใช้ไฮโดรลิคบังคับทิศทางแต่เมื่อระบบไฮดรอลิคไม่มีแล้ว
เครื่องบินจึงไม่ต่างอะไรกับรถยนต์ที่ไม่มีพวงมาลัย!!
ไม่สามารถควบคุมเครื่องได้
กัปตันอัลเฟร็ดทราบว่าระบบไฮดรอลิกมีปัญหา
จึงดับเครื่องยนต์ตัวที่ 2 ซึ่งอยู่บริเวณแพนหาง
ความพยายามที่จะเอาชีวิตรอด และไม่เคยยอมแพ้
กัปตันใช้กำลังเครื่องยนต์บังคับทิศทาง!!
ให้เครื่องบินหันหัวไปในทิศทางที่ต้องการ…
เช่นถ้าอยากให้เครื่องเลี้ยวขวาก็ผ่อนเครื่องยนต์ขวา
เร่งเครื่องยนต์ซ้าย.. อาการลักษณะนี้นักบินทุกคนรู้ดี
เพราะเมื่อเครื่องยนต์ดับ การเลี้ยวในลักษณะนี้
จะเกิดขึ้นตามหลักของอากาศพลศาสตร์
แต่การบังคับเครื่องบินด้วยวิธีการนี้
ไม่เคยมีเขียนไว้ในตำราการบินเล่มใดๆในโลกนี้!
เวลา 15:29 น. กัปตันเดนนิส อี ฟิตช์ นักบินอีกคนของสายการบินยูไนเต็ตแอร์ไลน์ และเป็นครูการบินในเครื่อง DC-10 ซึ่งกำลังเดินทางกลับบ้าน
ได้เข้าไปในห้องนักบินเพื่อช่วยเหลือกัปตันอัลเฟร็ด
เมื่อนักบินทั้งสองติดต่อกับหอบังคับการบิน
พวกเขาก็ได้รับการแนะนำว่าให้ไปลงจอดที่
สนามบินซู เกทเวย์ในเมืองซูซิตี้ รัฐไอโอว่า
ซึ่งมีรันเวย์ยาวพอที่จะให้เครื่อง DC-10 ลงจอดได้
เมื่อมาถึงสนามบิน กัปตันอัลเฟร็ดพยายาม
จะนำเครื่องบินลำยักษ์ของตนลงจอด
โดยมีกัปตันเดนนิสคอยใช้เครื่องยนต์ที่เหลือ 2 ตัวเพิ่มกำลังให้การบังคับทิศทางเครื่องบิน โดยการใช้เพียงแรงกำลังเครื่องยนต์
16:00 น. เที่ยวบินที่ 232 ด้วยความพยายามของนักบิน DC-10 จึงมาถึงรันเวย์สำเร็จ
แต่มันไม่ง่ายครับ..
ในที่สุดเคริ่องบินเกิดเสียการทรงตัว !! ตกกระแทกกับรันเวย์อย่างแรงก่อนที่ระเบิดลุกเป็นไฟและพลิกคว่ำไปหยุดอยู่ที่ไร่ข้าวโพดข้างๆรันเวย์
โดยมีผู้ถ่ายวีดีโอขณะเกิดเหตุสยองไว้ได้
จากการตกครั้งนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 111 คน
แต่สิ่งมหัศจรรย์ก็คือมีผู้รอดชีวิต 185 คน
(รวมทั้งกัปตันอัลเฟร็ด กัปตันเดนนิสและนักบินอีก 2 คน)โดยมี 172 คนที่ได้รับบาดเจ็บ
เครื่องบินที่เหมือนเรือไร้หางเสือ
รถยนต์ที่ขาดพวงมาลัย
การควบคุมทิศทางโดยใช้เครื่องยนต์เพียง 2เครื่องยนต์ กับการบังคับนำเครื่องกลับมาลงจอดอย่างสุดมหัศจรรย์
มันจึงถูกจารึกในประวัติศาสตร์การบิน
ทำให้กับกัปตันทั้งสองเป็นวีรบุรุษ
ที่อยู่ในตำนานของการบินจนถึงทุกวันนี้
ปัจจุบัน กัปตันอัลเฟร็ด ซี. เฮนส์ มีอายุ 86 ปีแล้ว ส่วนกัปตันเดนนิส อี. ฟิตซ์ เสียชีวิตจากโรคมะเร็งในสมองเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2555 อายุ 69 ปี
เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้มีการปฏิวัติระบบไฮดรอลิค ให้การทำงานอย่างเป็นอิสระ
และแยกตำแหน่งท่อทาง โอกาสที่ระบบไฮดรอลิคทั้ง 3 ระบบจะถูกทำลายพร้อมกัน
จึงเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้
ทุกครั้งที่มีความผิดพลาดทุกครั้งที่มีการสูญเสีย
มันกำลังบอกบทเรียนอะไรบางอย่างให้เรา
เพื่อให้เราก้าวไปสู่การเดินทางที่ปลอดภัยมากขึ้น
ฉนั้น…เรื่องบางเรื่องเราอาจรอไม่ได้
ขณะเดียวกันเรื่องบางเรื่อง
“เรารีบไม่ได้จริงๆครับ…”
Info : เครื่องบิน DC-10 เที่ยวบินโดยสารเชิงพาณิชย์เที่ยวสุดท้ายคือ สายการบิน Biman Airlines ของบังคลาเทศเมื่อปลายปี 2017
Credit: Wikipedia ยูไนเต็ดแอร์ไลน์เที่ยวบินที่ 232