ทุกวันก่อนที่ชายหนุ่มจะไปทำงาน
สิ่งที่เขาทำเป็นประจำคือการ
โอบกอดลูกสาวพร้อมกับหอมแก้มเธอ 1 ครั้ง
และบอกเธอว่า”พ่อรักนู๋นะ”
สิ่งที่ดูเหมือนจะธรรมดาแต่มันกลับกลาย
เป็นวิถีชีวิตสำคัญประจำวันของสองพ่อลูก
เช้าวันหนึ่งเสียงคุณพ่อวิ่งลงมาจากบ้านด้วยความรีบร้อนมือขวาถือกระเป๋าเอกสารส่วนมือซ้ายก็ถือโทรศัพท์มือถือ ลูกสาวมองคุณพ่อด้วยสายตาแปลกๆ
“พ่อต้องรีบไปแล้วลูกวันนี้พ่อมีประชุมพ่อพลาดประชุมครั้งนี้ไม่ได้ ตั้งใจเรียนนะคะ”
แล้วชายหนุ่มก็รีบออกจากบ้านไป
เด็กน้อยมองตามคุณพ่อจนละสายตา เธอก้มลงทานอาหารเช้าอย่างช้าๆสายตาของเธอช่างเหม่อลอย เธอคิดในใจ”คุณพ่อลืมกอดและหอมแก้มนู๋” วันนี้สายตาของเธอดูช่างเศร้าหมองผิดกับทุกๆวันที่มันเป็นสายตาแห่งความสุขจากการที่กอดและได้รับการหอมแก้มจากคุณพ่อ
เธอจะก้มลงใส่ถุงเท้าเหมือนช่วงเวลานั้นจะผ่านไปอย่างช้าเหลือเกิน
ทันใดนั้น เสียงรถยนต์คันหนึ่งก็วิ่งมาจอดที่หน้าบ้านพร้อมเสียงเปิดประตูรถ เสียงฝีเท้าที่วิ่งเข้ามาในบ้านอย่างรีบเร่ง
ชายหนุ่มตัดสินใจขับรถกลับมา พร้อมเข้าไปกอดลูกสาวด้วยความรักสุดหัวใจและเขาไม่ลืมที่จะหอมแก้มเธอ พร้อมกล่าวว่า
“ขอโทษนะลูก พ่อคงรีบไปหน่อย พ่อรักหนูนะ”
เด็กหญิงยิ้มอย่างมีความสุขราวกับว่าเธอได้รับของรางวัลล้ำค่าที่เธอเฝ้ารอมานานนับปี
เป็นอีกหนึ่งวันที่ดีที่สุดของชีวิตเธอ
…..ผมเชื่อว่าชายหนุ่มน่าจะกลับไปประชุมไม่ทัน…..
“สมมุติจากนี้ไปสักอีกสิบห้าปี
ผมเขื่อว่าจะไม่มีใครจำได้ว่าชายหนุ่มพลาดการประชุมในวันนั้น“
แต่นับจากนี้ไปจะสิบห้าปีหรือมากกว่านั้น
รอยยิ้มและความทรงจำอันงดงามจะอยู่ในหัวใจดวงน้อยๆของลูกสาวของเขาตราบนานเท่านาน
แรงที่มีพลังมหาศาลกลับคือการกอดที่แผ่วเบาที่สุด