Pay it forward 

แสงแดดระบุในวันรับปริญญาของทุกมหาวิทยาลัย ไม่เคยทำให้บัณฑิตหนุ่มสาวย่อท้อกับการออกไปถ่ายรูปเพื่อให้ได้ภาพสุดประทับใจเก็บไว้ในความทรงจำ

เด็กหนุ่มวางดอกไม้ที่อยู่เต็มมือ พร้อมฝากเสื้อครุย ที่เขาใส่มาทั้งวัน พลางบอกกับเพื่อนว่า
“รออยู่ตรงนี้นะเดี๋ยวกลับมาถ่ายรูปใหม่”

เขาสังเกตมานานแล้วว่ามีชายวัยกลางคนคนหนึ่งยืนมองดูความสำเร็จของพวกเขาจากชั้น 4 ของอาคารอย่างไม่ละสายตามาสักระยะเวลาหนึ่งแล้ว

เขารีบวิ่งก้าวขึ้นบันไดอาคารเรียนรวมเพื่อมุ่งหน้าไปยังชั้น 4

“อาจารย์ครับผมจะไม่มีวันนี้เลยถ้าไม่ได้อาจารย์ช่วยเหลือคอยสั่งสอนอบรมผม ผมขอขอบคุณอาจารย์จากใจจริงของผมครับ”
เขายกมือขึ้นไหว้พร้อมกับเสียงที่เหนื่อยหอบจากการวิ่งขึ้นบันไดเมื่อสักครู่

สายตาของคนเป็นอาจารย์มองเด็กหนุ่มอย่างเมตตา พร้อมยื่นมือไปสัมผัสมือของเขาอย่างเบาๆแล้วกล่าวว่า “ครูยินดีด้วยนะ”

“อาจารย์เป็นทุกอย่างสำหรับผม จนบางครั้งผมคิดกับตัวเองว่ามันจะมีอะไรบ้างที่ผมจะตอบแทนอาจารย์ได้บ้างในชีวิตนี้…”

อาจารย์ยิ้ม แล้วตบไหล่เบาๆพร้อมกล่าวกับชายหนุ่มว่า…

“ไม่ยากเลย..มันเหมือนกับว่าเราได้หนังสือจากชายแปลกหน้าคนหนึ่งส่งมาให้เรา แล้วเขาบอกกับเราว่าอ่านหนังสือเล่มนี้ซะมันจะเปลี่ยนชีวิตคุณ

เรารับมันมา ด้วยความดีใจ ก่อนที่ชายคนนั้นจะเดินจากไปเราหันไปถามเขาว่า แล้วผมจะส่งคืนหนังสือเล่มนี้ให้กับคุณได้อย่างไร

ชายหนุ่มคนนั้นหันกลับมาตอบว่า จงส่งมอบหนังสือเล่มนี้ให้กับคนอื่นต่อไป…”

เช่นกันสำหรับครู เธอไม่จำเป็นต้องส่งกลับคืน
ขอให้ส่งต่อมันต่อไป

หนังสือเล่มนี้ที่ครูมอบให้กับเธอก็คือความรู้ที่เธอจะส่งต่อให้กับคนต่อๆไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด


ทุกท่านครับ…การที่เรามายืนอยู่จุดนี้ในวันนี้
เราย่อมได้รับการช่วยเหลือจากใครบางคน
ไม่มากก็น้อย

ส่งมันต่อไป…Pay it forward

ลองจินตนาการดูสิครับ การขยายวงส่งต่อความดี
ดั่งโยนหินลงสระน้ำแล้วส่งขยายวงกว้างของคลื่นน้ำออกไปไม่มีที่สิ้นสุด…
โลกใบนี้จะสวยงามน่าอยู่เพียงใด