มันร้อนเกินไปสำหรับเครื่องบินที่จะบินขึ้นฟ้า ☀️

มันร้อนเกินไปสำหรับเครื่องบินที่
จะบินขึ้นฟ้า ☀️

การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่โลกเผชิญอยู่
มีผลกับการบินอย่างที่เราอาจคิดไม่ถึง

1
เช่นเดียวกับคลื่นความร้อนสูงจากภาวะโลกร้อนที่กำลังมีผลกับหลายประเทศขณะนี้ นอกจากมันมีผลกับชีวิตมนุษย์แล้ว มันยังทำให้การบินยากขึ้นมากเช่นกัน

อากาศร้อนมีความหนาแน่นน้อยกว่าอากาศเย็น
โมเลกุลของอากาศเคลื่อนที่ไปมาด้วยความเร็วที่สูงกว่า หมายความว่าปีกเครื่องบินจะเกิดแรงยกน้อยลงเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น..นั่นจะทำให้เครื่องบินขณะ take off เจอปัญหา..

2
สายการบินและนักบินมักจะต้องเลือก”ทางเลือก”ต่างๆเช่น
เลื่อนเที่ยวบิน,ลดน้ำหนักเครื่องบินเมื่ออุณหภูมิสูงเกินไป แน่นอนมันกระทบต่อตารางบินทั้งระบบ

จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยโคลัมเบียในปี 2560 พบว่าโดยเฉลี่ยแล้ว 30% ของเที่ยวบินในสหรัฐอเมริกาทั้งหมดอาจถูกจำกัดหรือลดน้ำหนักในช่วงที่มีอากาศร้อนจัด

3
ในปัจจุบันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่สุดล้ำของ อุตสาหกรรมการบินก็ยังไม่มีทางออกในการเอาชนะกฎ
ของธรรมชาติที่เกี่ยวกับอุณหภูมินี้

“นี่เป็นข้อจำกัดทางกายภาพที่เกี่ยวข้องกับความหนาแน่นของอากาศ และไม่มีการแก้ไขทางเทคโนโลยีโดยตรง”
ผศ.อีธาน คอฟเฟล จากมหาวิทยาลัยซีราคิวส์
ผู้เขียนรายงานการศึกษาในปี 2560 กล่าว

เรามักคิดว่าหิมะและน้ำแข็งเป็นสาเหตุหลักในเรื่องของการล่าช้าต่อเที่ยวบิน แต่ความร้อนทำให้เกิดความล่าช้ามากกว่ามาก สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานเมื่อเร็ว ๆ นี้ ตัวอย่างเช่น สนามบินนานาชาติ O’Hare ของชิคาโก ประสบปัญหาสภาพอากาศล่าช้าในช่วงฤดูร้อนปี 2565 ประมาณสองเท่าเมื่อเทียบกับฤดูหนาวปีที่แล้ว

ปัญหาความร้อนสูงจะเป็นปัญหาหนักโดยเฉพาะสำหรับสนามบินที่มีทางวิ่งสั้น ซึ่งทำให้เครื่องบินมีระยะทางวิ่งน้อยเกินไปที่จะได้แรงยกเพียงพอในการบินขึ้นในสภาพอากาศที่ร้อนจัด.. สนามบินที่มีรันเวย์ยาวก็จะได้เปรียบหน่อยครับ

นักวิทยาศาสตร์ด้านการบินพยายามหาวิธีทำให้เครื่องบินมีน้ำหนักเบาและมีประสิทธิภาพมากขึ้น จนถึงปัจจุบันก็ถือว่าเราาก้าวมาได้ไกลสำหรับการปฏิวัติวัสดุในการสร้างอากาศยานดังนั้นจนกว่าเราจะพบวิธีสร้างเครื่องบินจากวัสดุที่เป็นนวัตกรรมใหม่ๆ

เรายังคงต้องพึ่งพาวิธีแก้ปัญหาแบบดั้งเดิมในการจัดการความร้อนคือ: เปลี่ยนเวลาออกของเที่ยวบินไปยังเวลาที่อุณหภูมิเย็นลง
ขยายความยาวและเสริมความแข็งแกร่งของทางวิ่ง
และลดน้ำหนัก

Takeoff your Life กัปตันหมี
Credit thestar.com