“ทำไมเครื่องยนต์เจ็ทถึงไม่มีตะแกรงป้องกันนกเข้าไป?”ทั้งที่เหตุการณ์ Bird Strike (นกชนเครื่องยนต์/เครื่องบิน) อาจสร้างความเสียหายรุนแรงจนถึงขั้นเครื่องยนต์ดับได้

น่าจะเป็นคำถามที่หลายคนสงสัย มาหาคำตอบกันครับ

คำตอบคือ: การติดตะแกรงหน้าเครื่องยนต์นั้น มีข้อเสียมากกว่าข้อดี โดยเฉพาะในเชิงวิศวกรรมและอากาศพลศาสตร์ เราจะมาอธิบายข้อเสียสำคัญดังนี้ครับ:

  1. ขัดขวางการไหลของอากาศ (Airflow Restriction)

เครื่องยนต์ไอพ่นต้องการการไหลของอากาศจำนวนมากด้วยความเร็วสูง ตลอดเวลา
หากมีตะแกรงติดด้านหน้า จะเกิดการต้านทาน (drag)
และลดแรงดันของอากาศ (inlet pressure drop) ซึ่งส่งผลต่อ ประสิทธิภาพและแรงขับของเครื่องยนต์โดยตรง

  1. ความเสี่ยงจากการหลุดของชิ้นส่วนตะแกรง (FOD Risk)

ตะแกรงที่ติดไว้หากเกิดความเสียหาย เช่น จากแรงกระแทกของนก หรือละอองน้ำแข็ง อาจทำให้ตะแกรงหลุดและกลายเป็นวัตถุแปลกปลอม (Foreign Object Damage – FOD)
ซึ่งจะยิ่งอันตรายกว่าการที่นกเข้าไปอีก เพราะโลหะของตะแกรงนั้นแข็งกว่าตัวของนกหลายเท่า!

  1. ปัญหาน้ำแข็งสะสม (Ice Accumulation)

ในสภาพอากาศเย็น ตะแกรงมีโอกาสเกิดการสะสมน้ำแข็ง และเมื่อหลุดเข้าไปในเครื่องยนต์ก็จะทำลายใบพัด
หรือหากตะแกรงถูกน้ำแข็งปิดกั้นบางส่วน อาจทำให้เกิด flow separation ซึ่งกระทบต่อความเสถียรของเครื่องยนต์

  1. การบำรุงรักษาและน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น

ตะแกรงต้องออกแบบให้ทนแรงดันอากาศสูงมาก ซึ่งจะทำให้มีน้ำหนักมาก เพิ่มภาระน้ำหนักของเครื่องบิน
และยังเพิ่มภาระงานของการซ่อมบำรุง เพราะต้องตรวจสอบความเสียหายอย่างละเอียดอยู่เสมอครับ

  1. ไม่มีความจำเป็นในเชิงการออกแบบ

เครื่องยนต์เจ็ทสมัยใหม่ถูกออกแบบให้สามารถทนต่อแรงกระแทกจากนกขนาดเล็กถึงปานกลางได้ระดับหนึ่ง
ตามข้อกำหนดของ FAA และ EASA
การเลือกติดตะแกรงอาจถูกมองว่า เป็นการออกแบบที่ขัดต่อหลักประสิทธิภาพที่เน้นน้ำหนักเบาและอัตราการไหลสูงสุด

สรุป

ถึงแม้จะดูเหมือน “แค่ติดตะแกรง” จะป้องกันนกได้ง่ายๆ
แต่ในความเป็นจริง มันจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือของเครื่องยนต์

ดังนั้นการจัดการกับปัญหา Bird Strike จึงเน้นไปที่ การควบคุมประชากรนกในสนามบิน, การใช้ เรดาร์ตรวจจับนก, การ ออกแบบเส้นทางบิน, หรือแม้กระทั่งใช้ เสียงหรือแสงไล่นก ซึ่งได้ผลและไม่กระทบต่อประสิทธิภาพเครื่องบินโดยตรงครับ

กัปตันหมี