“เที่ยวบินนี้… ถึงเกต หลังจากลงจอดไปแล้ว 3 ชั่วโมง”✈️

“เที่ยวบินนี้… ถึงเกต หลังจากลงจอดไปแล้ว 3 ชั่วโมง”✈️

ค่ำคืนวันที่ 16 ธันวาคม ในนิวยอร์ก

เที่ยวบินเดลตาแตะรันเวย์ JFK อย่างปลอดภัย ทุกอย่างควรจบลงตรงนั้น…

แต่ในโลกการบิน เรื่องราวเพิ่งเริ่มต้น

เครื่องออกจากรันเวย์ ไฟ Beacon ยังกระพริบ

นักบินรายงาน clear of runway

แต่แทนที่จะมุ่งหน้าเข้าเกต เครื่องกลับต้อง “หยุดรอ” บนแท็กซี่เวย์

จากไม่กี่นาที กลายเป็นเกือบ 3 ชั่วโมง

ไม่ใช่เครื่องเสีย ไม่ใช่นักบินพลาด

แต่คือคอขวดภาคพื้นจากหิมะ เกตไม่พร้อม

และเครื่องจำนวนมากที่ “ลงแล้ว แต่ไปต่อไม่ได้”

ในการบิน…

Arrival Time ไม่ได้จบที่ล้อแตะรันเวย์

แต่นับเมื่อจอดสนิทที่เกต และประตูเปิดได้จริง

คืนนั้น เครื่องบินไม่ได้มีปัญหาบนอากาศ

แต่กลายเป็นข่าวดัง ด้วยประโยคเดียว

บางครั้ง เรื่องราวที่น่าจดจำของการบิน

ไม่ได้เกิดขึ้นบนฟ้า

แต่เกิดขึ้น… หลังจากแตะพื้นแล้ว ✈️

— กัปตันหมี

รายงานเบื้องต้น UPS 2976 นาทีที่เครื่องยนต์หลุดจากปีก

รายงานเบื้องต้น UPS 2976 นาทีที่เครื่องยนต์หลุดจากปีก

รายงานเบื้องต้น UPS 2976 นาทีที่เครื่องยนต์หลุดจากปีก

NTSB เผยฟุตเทจจริงจากสนามบิน Louisville วินาทีที่ UPS MD-11F สูญเสียเครื่องยนต์หมายเลข 1 ระหว่างขึ้นบิน… ภาพที่ผู้เชี่ยวชาญรอคอย และเป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนใจที่สุดครั้งหนึ่งในปีนี้

1️⃣ เริ่มต้นเหมือนการขึ้นบินปกติ
MD-11 เร่งความเร็วบนรันเวย์ ทุกอย่างดูเรียบร้อย… แต่ความจริงคือหายนะเกิดขึ้นหลังลอยจากพื้นเพียงไม่กี่วินาที

2️⃣ เครื่องยนต์เริ่มแยกตัว
ทันทีหลัง rotation เครื่องยนต์ #1 “หลุดลอยตัว” ขึ้นหน้า ลอยข้ามปีกซ้าย สิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นกับเครื่องบินใด ๆ บนโลกใบนี้

3️⃣ การหลุดออกสมบูรณ์
ไฟปะทุขึ้นตรงจุดยึด pylon ใต้ปีกซ้าย ก่อนเครื่องยนต์จะแยกออกทั้งหมด และตกลงพื้นด้านหลังเครื่องบิน

4️⃣ ไฟลุกท่วมปีกซ้าย
โครงสร้างใต้ปีกเริ่มเสียหายอย่างรวดเร็ว ไฟยังคงลุกขณะเครื่องบินพยายามปีนระดับด้วยเครื่องยนต์เพียงสองตัว

📌 NTSB พบอะไร?
จุดยึดด้านหลังของ pylon พบ รอยล้าโลหะ (fatigue crack) หลายตำแหน่ง บ่งบอกว่าโครงสร้างอ่อนแรงสะสมมานานจนถึง “จุดแตกหัก” ช่วงขึ้นบิน การตรวจละเอียดครั้งสุดท้ายของบริเวณนี้มีบันทึกเมื่อ 28 ต.ค. 2021

📌 ความสูญเสีย
เหตุการณ์นี้ทำให้ทั้งเครื่องบินและอาคารบนพื้นดินไฟลุกท่วม มีผู้เสียชีวิต 14 คน (บนเครื่อง 3 / พื้นดิน 11) และผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 23 คน

นี่คือรายงานเบื้องต้นเท่านั้น สาเหตุจริงยังไม่ถูกสรุป และจะมีข้อมูลเพิ่มเติมในรายงานฉบับสมบูรณ์ในภายหลัง

ขอแสดงความเสียใจต่อผู้สูญเสียทุกท่านครับ
กัปตันหมี
Cr. NTSB & Aaron Rheins

ภาพฟ้าสหรัฐฯ ที่เหมือนผึ้งแตกรัง…กับวันที่เจ้าหน้าที่ควบคุมการบิน “กลับสู่เก้าอี้ตัวเดิม” แม้ไม่มีเงินเดือน

ภาพฟ้าสหรัฐฯ ที่เหมือนผึ้งแตกรัง…กับวันที่เจ้าหน้าที่ควบคุมการบิน “กลับสู่เก้าอี้ตัวเดิม” แม้ไม่มีเงินเดือน

ต้นพฤศจิกายนที่ผ่านมา ท้องฟ้าสหรัฐฯ เผชิญวิกฤตหนักจาก government shutdown เจ้าหน้าที่ควบคุมการบินหลายพันคนต้องทำงาน แบบไม่ได้เงิน ติดต่อกันสองงวด บางศูนย์มีอัตราการลาป่วยพุ่งถึง 40% จนระบบบินสั่นคลอน

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับน่าประทับใจยิ่งกว่า…
หลายคน เลือกกลับเข้ามาทำงาน ทั้งที่รายได้ยังไม่ถูกจ่าย เพราะรู้ดีว่าหากไม่มีพวกเขา เครื่องบินหลายพันลำบนฟ้าอาจเสี่ยงทันที

รายงานจาก AP และ Reuters ระบุว่า เมื่ออัตราการ call-out ลดลง FAA จึง “ชะลอคำสั่งลดเที่ยวบิน” ไว้แค่ 6% แทนที่จะเพิ่มเป็น 8–10%
ผลคือ จากวันที่มีเที่ยวบินถูกยกเลิก 2,600 เที่ยว เหลือเพียงราว 900 เที่ยวในวันถัดมา
และกว่า 95% ของเที่ยวบินกลับมาตรงเวลา

แม้ไม่มีใครเอ่ยคำว่า “เสียสละ” ออกมาตรงๆ บางคนอาจได้เงินเดือนจึงกลับมา
แต่ภาพของพวกเขาหลายคนที่กลับมานั่งหลังจอเรดาร์
ทำงานท่ามกลางความกดดัน โดยไม่มีเงินเดือนสักดอลลาร์
มันดังพอจะเป็นคำตอบอยู่แล้ว

เพราะสำหรับคนกลุ่มนี้
หน้าที่คือสิ่งที่ต้องทำ…แม้ในวันที่ไม่มีสิ่งตอบแทนเลยก็ตาม

และท้องฟ้าสหรัฐฯ ในสัปดาห์นั้น
ปลอดภัยได้เพราะหัวใจของพวกเขาจริงๆ 🐝✈️

กัปตันหมี ✈️

ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะกลับมาสู่ฟ้าได้อีกครั้ง

ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะกลับมาสู่ฟ้าได้อีกครั้ง

เรื่องเล่าของเครื่องบิน CRJ-900 ที่สูญเสียหางไปทั้งชิ้น
และใช้เวลากว่าหนึ่งปีจึงได้กลับมาบินอีกครั้ง

🚩ย้อนไปในเช้าวันที่ 10 กันยายน 2024 ที่สนามบินฮาร์ตสฟีลด์-แจ็กสัน เมืองแอตแลนตา สหรัฐอเมริกา เครื่องบินโดยสารแบบ Bombardier CRJ-900 ของสายการบิน Delta Connection ซึ่งดำเนินการโดย Endeavor Air กำลังจอดรออยู่บนทางขับ เพื่อเตรียมออกเดินทางตามปกติ แต่แล้วสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น

เครื่องบินลำมหึมาแบบ Airbus A350-900 หมายเลขทะเบียน N503DN ของเดลตาเช่นกัน ได้เคลื่อนตัวผ่านทางขับใกล้ ๆ และด้วยจังหวะเพียงเสี้ยววินาที หางของ A350 ได้กระแทกเข้าอย่างจังกับส่วนท้ายของ CRJ-900 จนหางของเครื่องบินลำเล็กถูกเฉือนออกเกือบทั้งชิ้น

🚩แรงปะทะนั้นรุนแรงจนทำให้ทั้งสองลำได้รับความเสียหายอย่างหนัก นักบินของ A350 ยังสามารถควบคุมเครื่องกลับไปยังหลุมจอดได้ด้วยกำลังของเครื่องเอง ส่วน CRJ-900 หมายเลขทะเบียน N302PQ ถูกลากเข้าโรงซ่อมในสภาพที่แทบไม่น่าเชื่อว่าจะซ่อมกลับมาได้ 😢

โชคดีที่ไม่มีใครบาดเจ็บสาหัส ผู้โดยสารและลูกเรือทั้งสองลำปลอดภัยดี ขณะที่หน่วยงานสอบสวนความปลอดภัยการคมนาคมแห่งสหรัฐ หรือ NTSB ระบุในรายงานเบื้องต้นว่า สภาพอากาศขณะนั้นปกติ การมองเห็นดี และ A350 กำลังแท็กซี่ตามขั้นตอนปกติ

🚩หลังเหตุการณ์ เครื่อง CRJ-900 ถูกจอดทิ้งไว้ที่แอตแลนตาอยู่นานหลายเดือน หลายคนคาดว่ามันคงจะถูก “ปลดประจำการ” อย่างถาวร แต่ทีมช่างของ Endeavor Air กลับเลือกเส้นทางที่ยากกว่า พวกเขาเริ่มภารกิจซ่อมแซมทีละชิ้น ตั้งแต่การประกอบหางใหม่ทั้งส่วน การตรวจสอบระบบควบคุม การเดินสายไฟและทดสอบแรงดันใหม่ทั้งหมด

เวลาผ่านไปกว่าหนึ่งปีเต็ม จนถึงวันที่ 20 กันยายน 2025 เครื่องบินลำนี้ได้ออกบินทดสอบอีกครั้งเป็นครั้งแรกหลังจากอุบัติเหตุ และไม่กี่สัปดาห์ต่อมา มันก็กลับเข้าสู่ฟ้าในฐานะเครื่องบินโดยสารอย่างเต็มตัวอีกครั้ง

ตามข้อมูลจาก Flightradar24 เที่ยวบินแรกของเธอหลังจากการฟื้นคืนชีพคือ DL4750 จากมินนีแอโพลิสไปยังเมืองฟาร์โก รัฐนอร์ทดาโคตา นั่นคือวันที่ผู้คนในวงการการบินต่างกล่าวขานว่า “เธอกลับมาแล้ว”❤️

แม้การสอบสวนของ NTSB จะยังดำเนินอยู่ แต่เรื่องราวของ CRJ-900 หมายเลข N302PQ ก็ได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความพยายามและความเชื่อมั่นของวิศวกร นักบิน และทีมช่างผู้ไม่ยอมแพ้ต่อความเสียหาย

เครื่องบินที่เคยถูกมองว่า “จบเส้นทาง” ได้กลับมาสู่ท้องฟ้าอีกครั้งในสภาพสมบูรณ์ พร้อมรับผู้โดยสารขึ้นสู่ฟ้าอย่างสง่างาม

📌บางครั้ง… การได้กลับมาอีกครั้ง ไม่ได้วัดจากโชคชะตา แต่เกิดจากความตั้งใจของคนที่ไม่ยอมให้มันจบลงบนพื้นดิน..

กัปตันหมี

Cr เช่น AirlineGeeks
Photo: NTSB

เมื่อ “ประตูสัมภาระเปิด” แต่ “ระบบเตือน” ทำงานทันทุกชีวิตบนเครื่องจึงปลอดภัย 🛫

เมื่อ “ประตูสัมภาระเปิด” แต่ “ระบบเตือน” ทำงานทันทุกชีวิตบนเครื่องจึงปลอดภัย 🛫

7 ตุลาคม 2025 ✈️ เครื่องบิน Jetstar กำลังจะออกจากซิดนีย์ไปบัลลินา ทุกอย่างดูปกติ…
จนกระทั่งพบว่า “ประตูสัมภาระหลัง” ถูกปลดล็อก — และ ลืมปิดกลับ!

โชคดีที่ระบบเตือนในห้องนักบินทำงานทัน
เสียงสัญญาณดังเตือนว่ายังมีบางอย่าง “ไม่พร้อมบิน”
นักบินจึงยกเลิกการวิ่งขึ้น และพาเครื่องกลับมาตรวจสอบ

ในเครื่อง Boeing ระบบนี้เรียกว่า TOCWS – Takeoff Configuration Warning System
มันจะตรวจทุกอย่างตั้งแต่ flap, trim, speedbrake
ไปจนถึง “ประตูทุกบาน”
ถ้าสถานะใดไม่ถูกต้อง เสียงเตือนจะดังทันที 🚨

ระบบนี้เปรียบเหมือน “ตาข่ายนิรภัยชั้นสุดท้าย”
ที่ช่วยจับความผิดพลาดก่อนเครื่องบินจะลอยขึ้นฟ้า
ทำให้เรื่องเล็ก ๆ อย่าง “ประตูเปิด”
ไม่กลายเป็นโศกนาฏกรรมใหญ่ในอากาศ

กัปตันหมี 🐻✈️

ไม่น่าเชื่อว่า… “เสียงระเบิด” จะกลายเป็น “เสียงแห่งการยอมรับ”

ไม่น่าเชื่อว่า… “เสียงระเบิด” จะกลายเป็น “เสียงแห่งการยอมรับ”

เช้าวันคริสต์มาส 25 ธันวาคม 2024
เครื่องบิน Azerbaijan Airlines Flight 8243 บินจากบากู มุ่งหน้าสู่กรอซนี

ผ่านไปเพียง 40 นาที สัญญาณ GPS และ ADS-B หายไป
นักบินรู้ทันทีว่านี่คือ “การก่อกวนทางอิเล็กทรอนิกส์”
ไม่กี่อึดใจต่อมา… เสียงระเบิดกึกก้องสะเทือนลำตัวเครื่อง

เศษขีปนาวุธเจาะทะลุโครงสร้าง ระบบไฮดรอลิกล้มเหลว
นักบินพยายามยื้อชีวิตสุดกำลัง ใช้แรงขับเครื่องยนต์ควบคุมเครื่องแทนหางเสือ
พวกเขารู้ดีว่าทะเลแคสเปียนอยู่เบื้องล่าง แต่คงไปไม่ถึง Aktau

สุดท้าย… เครื่องตกกระแทกพื้นอย่างรุนแรง
ไฟลุกท่วมลำ คร่าชีวิต 38 คน ผู้รอดชีวิต 29 คนบาดเจ็บสาหัส

หนึ่งปีต่อมา..ในเดือนนี้ วลาดิเมียร์ ปูติน
ยอมรับเป็นครั้งแรกว่า เครื่องบินลำนี้ถูก
ขีปนาวุธของรัสเซียยิงพลาด ขณะพยายามสกัดโดรนยูเครน

“ไม่มีสิ่งใดนำชีวิตของผู้สูญเสียกลับมาได้”
ปูตินกล่าว พร้อมให้คำมั่นว่าจะเยียวยาครอบครัวเหยื่อ

เหตุการณ์นี้ตอกย้ำว่า…
ตราบใดที่ “ท้องฟ้าแห่งสงคราม” ยังอยู่ใกล้เส้นทางของผู้บริสุทธิ์
เครื่องบินพาณิชย์ก็ยังเสี่ยง… ต่อความผิดพลาดที่ไม่มีใครอยากให้เกิด

✈️ กัปตันหมี
Cr. AP News

AviationStory #CaptainMhee #AirlineIncident #AzerbaijanAirlines #Flight8243

เราคงต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว… สิ่งนี้ไม่ควรเกิดขึ้นอีก!

เราคงต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว… สิ่งนี้ไม่ควรเกิดขึ้นอีก!

✈️ “โดรนป่วนฟ้ามิวนิค” สนามบินต้องปิดรันเวย์ “อีกครั้ง” ในรอบไม่ถึง 24 ชั่วโมง!

ค่ำคืนวันศุกร์ที่ 3 ตุลาคม 2025 ท้องฟ้าเหนือสนามบินมิวนิคกลับเข้าสู่ความวุ่นวาย เมื่อเจ้าหน้าที่พบวัตถุปริศนาคล้าย “โดรน” ลอยอยู่ใกล้เขตขึ้นลงของเครื่องบิน!

สนามบินนานาชาติมิวนิคจึงต้อง สั่งปิดรันเวย์ทั้งสองเส้นทันที เพื่อความปลอดภัย ขณะที่เที่ยวบินหลายลำต้องบินวนรอ และอีกหลายเที่ยวถูกเปลี่ยนเส้นทางออกจากพื้นที่ ⚠️

นี่คือ “ครั้งที่สอง” ในรอบไม่ถึง 24 ชั่วโมง หลังคืนก่อนสนามบินเพิ่งถูกปิดเพราะโดรนปริศนาเช่นกัน ส่งผลให้ผู้โดยสารกว่า 3,000 คนตกค้าง!

เจ้าหน้าที่เตือนว่า หากคืนนี้ยังเปิดรันเวย์ไม่ได้ จำนวนผู้โดยสารที่ติดค้างอาจพุ่งสูงกว่าครั้งก่อนแน่นอน…

📍เที่ยวบิน TG924 ของไทยยังคงมุ่งหน้าสู่มิวนิคตามกำหนด

หวังว่าทุกอย่างจะกลับมาเปิดได้ตามปกติในเช้านี้นะครับ ❤️

— กัปตันหมี

Cr. Reuters

#MunichAirport #DroneIncident #AviationSafety #TakeoffYourLife #CaptainMhee ✈️